รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นฝ่ายที่ได้เฮในศึกดาร์บี้ครั้งที่ 172 หลังจากที่ต้านทานเกมบุกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ตามหลังไปก่อน 2 ประตูได้ ในการพบกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เควิน เดอ บรอยน์ กับ เคเลชี่ อิเฮนาโช่ ยิงให้ทีมเรือใบสีฟ้านำ 2 ประตูในครึ่งแรก ซึ่งพวกเขาครองเกมกันได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ลูกยิงของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ก่อนพักครึ่ง ซึ่งเป็นลูกที่ 4 ในการเตะเกมลีก 4 นัด ก็ช่วยให้โมเมนตั้มกลับมาทางฝั่งเจ้าถิ่น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำได้ดีกว่าในครึ่งหลัง แต่แม้ว่าการเล่นของผู้รักษาประตู เคลาดิโอ บราโว่ จะชวนให้เสียประตูตีเสมอ สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น กลายเป็นทีมฝั่งสีฟ้าของเมืองแมนเชสเตอร์ที่คว้าชัยชนะไป
ทั้ง 2 ทีมลงสนามในเกมนี้ด้วยสถิติ 100 เปอร์เซ็นต์ในพรีเมียร์ ลีก ทำให้บรรยากาศก่อนเกมคึกคักอย่างที่คาด แต่หลังจากลูกยิงข้ามคานจากระยะ 20 หลาของ ปอล ป็อกบา ก็กลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ได้ครองเกมอยู่ตลอด
นาทีที่ 15 ทีมเยือนเป็นฝ่ายออกนำ ลูกวางยาวของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ไปสะกิดศีรษะอิเฮนาโช่ซึ่งลงเล่นแทน เซร์คิโอ อเกโร่ ที่ติดโทษแบน และเดอ บรอยน์ก็เอาชนะ ดาลี่ย์ บลินด์ ฉกบอลไปยิงผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เข้าประตูไป
บราโว่ไปชน เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 ผู้เล่นที่เปลี่ยนจากชุดเดิมร่วมกับ เจสซี่ ลินการ์ด ในกรอบเขตโทษ แต่นักเตะชาวอาร์เมเนียก็ถูกยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว ถือเป็นโอกาสไม่กี่ครั้งในครึ่งแรกสำหรับทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก่อนที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะมาซัดประตูทิ้งห่างใน 9 นาทีก่อนพักครึ่ง ทำเอาแฟนๆ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ดต่างก็เงียบสงัด เดอ บรอยน์ยิงจากมุมแคบผ่านเด เคอาไปชนเสา บอลมาเข้าทางอิเฮนาโช่ที่ยืนอยู่โล่งๆ แปเข้าไปไม่พลาด
ถึงตรงนี้ถือว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้เปรียบมาก แต่ 3 นาทีก่อนพักครึ่ง อิบราฮิโมวิชก็ทำให้ทีมปีศาจแดงมีความหวังขึ้นมา หลังจากที่ ดาวิด ซิลบา กัปตันทีมเรือใบไปเสียใบเหลืองจากการทำฟาวล์ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกชาวเอกวาดอร์ก็เล่นฟรีคิกเร็ว และโยนเข้ากลาง บราโว่รับลูกหลุดมือ และเป็นอิบราฮิโมวิชที่วอลเลย์ตูมเดียวผ่านแนวรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 คนเข้าสู่ก้นตาข่าย เกมกลับมาแล้ว
ประตูนี้เรียกเสียงเฮได้มากที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็มาได้โอกาสทองอีก 2 ครั้งก่อนจบครึ่งแรก เวย์น รูนี่ย์ วางบอลอย่างแม่นยำให้อิบราฮิโมวิชโขกไปตรงตัวบราโว่จากมุมแคบ
จากนั้นด้วยความสับสนในแนวรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลินการ์ดฉกฉวยโอกาสได้ บอลหลุดมาถึงอิบราในกรอบเขตโทษ เขามีเวลาเหลือเฟือ แต่กลับยิงจังหวะแรกเบาเกินไป ทำให้ถูกสกัดที่หน้าปากประตูได้ก่อน แต่อย่างน้อยก็ถือว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับคืนสู่เกมแล้ว
มูรินโญ่เปลี่ยนโฉมทีมในครึ่งหลังด้วยการเปลี่ยนตัวผู้เล่น 2 ตำแหน่ง อันเดร์ เอร์เรร่า กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงมาแทนมคิตาร์ยานกับลินการ์ด ขณะที่ป็อกบาถูกวางให้ยืนตำแหน่งนักเตะหมายเลข 10 และเพียงไม่นาน แรชฟอร์ดก็ได้ครอสบอลจากฝั่งซ้ายให้อิบราฮิโมวิชวอลเลย์ข้ามคานทันที
อิบราฮิโมวิชกับ มารูยาน เฟลไลนี่ มาโดนจดชื่อในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำการปรับแผงมิดฟิลด์ โดยส่ง แฟร์นันโด ลงมาแทนอิเฮนาโช่
จากนั้นไม่นาน เอร์เรร่าก็กดดันลูกส่งคืนหลังให้บราโว่ นายทวารชาวสเปนแตะหลอกได้ แต่บอลก็ยาวเกินไป ทำให้รูนี่ย์ปราดเข้ามาชนในจังหวะ 50-50 ถือว่าโชคร้ายที่มันไม่เป็นจุดโทษ เมื่อผู้ตัดสิน มาร์ค แคลทเท็นเบิร์ก โบกมือให้เล่นต่อไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง และแรชฟอร์ดก็เกือบตีเสมอได้ขณะที่เหลือเวลาอีก 20 นาที แต่ลูกยิงที่ผ่านมือบราโว่เข้าไปแล้วก็ดันไปแฉลบอิบราฮิโมวิชที่ยืนตำแหน่งล้ำหน้าก่อน ทำให้กลายเป็นลูกล้ำหน้าไป
เด เคอามาโชว์ลูกเซฟจากการวอลเลย์ของ แฟร์นันดินโญ่ จากนั้นก็เป็น เอริค ไบญี่ ที่ได้โชว์การสกัดจังหวะต่อเนื่องของ นิโคลาส โอตาเมนดี้ ในจังหวะบุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงที่เกมกำลังเปิดแลกกันอย่างเต็มที่แล้ว
เดอ บรอยน์เป็นตัวอันตรายของแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาโดยตลอด และเขาก็เกือบเล่นงานเด เคอาได้จากการประสานงานขึ้นมากับตัวสำรอง เลรอย ซาเน่ แต่บอลก็ไปชนเสาออกหลัง ก่อนที่มูรินโญ่จะส่ง อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ลงมาเล่นแทน ลุค ชอว์ ที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีมาตลอด
แต่แม้ว่าตัวรุกชาวฝรั่งเศสกับเพื่อนร่วมทีมจะพยายามกันอย่างเต็มที่ไปจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที แต่สุดท้ายทีมปีศาจแดงก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการยิงออกหลังของอิบราฮิโมวิช จึงเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่บุกมาเก็บ 3 คะแนนเต็มกลับออกไป และยังเป็นความพ่ายแพ้นัดแรกในฤดูกาลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกด้วย
สถิติ